Microsoft เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่สู้ DeepFake

เมื่อใช้ในบริบทของภาพยนตร์ บางครั้งการปลอมแปลงเนื้อหาอาจเป็นแหล่งความบันเทิง

แต่ก็เป็นปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ในยุคของข่าวปลอมและข้อมูลที่ผิดและการปลอมแปลง รูปภาพวิดีโอหรือไฟล์เสียงที่สร้างขึ้นโดย AI อาจมีศักยภาพสร้างความสับสนและทำให้ผู้คนเข้าใจผิดได้

อย่างไรก็ตาม Microsoft มีแนวคิดและ ได้ประกาศเมื่อวันอังครที่ผ่านมาว่าจะมีสองเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้อ่านมีเครื่องมือที่จำเป็นในการกรองสิ่งที่เป็นของจริงและสิ่งที่ไม่จริงได้

สิ่งแรกคือ Microsoft Video Authenticator จะวิเคราะห์รูปภาพและวิดีโอโดยให้ผลเป็น “เปอร์เซ็นต์ที่มีโอกาสหรือคะแนนความเชื่อมั่นว่าสื่อนั้นมีการบิดเบือน” ตามบล็อกบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Microsoft เครื่องมือนี้ทำงานโดยการตรวจจับองค์ประกอบผสมผสานของภาพที่ดวงตาอันบอกบางของมนุษย์ อาจไม่ได้ตรวจจับในส่วนของความซีดจาง, องค์ประกอบสีเทาและขอบเขตภาพ

เทคโนโลยีที่สองซึ่งจะพร้อมใช้งานที่เป็นส่วนหนึ่งของบริการคลาวด์ Azure ของ Microsoft ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่ม “digital hashes (การเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ ข้อมูลอะไรก็ได้ที่อยู่บนโลกของ digital ให้อยู่ในรูปของ bit ที่มีขนาดแน่นอนตายตัว) และใบรับรอง” ให้กับรูปภาพหรือวิดีโอได้ สิ่งเหล่านี้จะทำงานอยู่ในกลุ่มข้อมูลเมื่อสื่อมีการเผยแพร่ทางออนไลน์ จากนั้นเครื่องมือส่วนขยายของเบราว์เซอร์จะจับคู่ hashes เหล่านี้แล้วก็ให้ข้อมูลแก่ผู้อ่านว่าใครเป็นผู้สร้างเนื้อหาขึ้นมาและมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เมื่อไหร่

ทั้งสองเทคโนโลยีนี้แก้ปัญหาได้มั๊ย ก็ไม่เชิงสักทีเดียว ตามที่ Microsoft รับทราบในบล็อกนั้น เทคโนโลยีการปลอมแปลง deepfake มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหมายความว่าเครื่องมือ AI จะต้องได้รับการอัปเดตอยู่เสมอ ความสามารถในการเพิ่มและตรวจจับ hashes ในสื่อยังมีประโยชน์พอ ๆ กับจำนวนคนที่ทำจริงเท่านั้น

แต่ในการต่อสู้การจัดลำดับข้อเท็จจริงจากนิยายออนไลน์ดูเหมือนจะมีการเริ่มต้นอย่างแน่นอน

เป็นที่น่าสังเกตว่า Microsoft ไม่ใช่ บริษัท เดียวที่พยายามหาทางแก้ไขปัญหา Deepfake ทาง Facebook ก็ได้เปิดเผยความพยายามของในการตรวจจับเนื้อหาปลอม และในขณะที่ Twitter ก็ได้เริ่มมีการติดป้าย “สื่อที่ถูกดัดแปลงและสังเคราะห์” และ Reddit ได้ออกคำสั่งห้ามของตัวเอง